

ประกันเด็ก
ประกันสุขภาพ
เหตุใดการทำประกันสุขภาพเด็กจึงสำคัญ?
1. เด็กเล็กมีแนวโน้มเจ็บป่วยบ่อยกว่าผู้ใหญ่
เด็กในวัยแรกเกิดจนถึง 10 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังพัฒนาและสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ๆ ทำให้พวกเขามีโอกาสป่วยจากโรคทั่วไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคทางเดินหายใจ โรคมือเท้าปาก รวมถึงอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ เด็กเล็กยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อจากโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็กได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ การเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และค่าใช้จ่ายในการรักษาอาจเป็นภาระทางการเงินของพ่อแม่ หากไม่มีการวางแผนรับมือที่ดี
2. ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของเด็กอาจสูงเกินคาด
แม้ว่าการรักษาโรคทั่วไปของเด็กอาจดูเหมือนไม่ใช่ภาระใหญ่ แต่ในบางกรณี เด็กอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งต้องเข้าห้องไอซียู ซึ่งค่าใช้จ่ายสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกันสุขภาพสำหรับเด็กสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ายา ค่าห้องพัก หรือค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงจนเกินไป
3. การป้องกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
เด็กเป็นวัยที่เต็มไปด้วยพลังและความอยากรู้อยากเห็น ทำให้พวกเขามักมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น หกล้ม กระแทกศีรษะ หรือบาดแผลจากการเล่นสนุก การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อให้พ่อแม่มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ลูกของพวกเขาจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
4. การดูแลสุขภาพระยะยาวและการฉีดวัคซีน
ประกันสุขภาพบางประเภทไม่ได้ครอบคลุมแค่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าฉีดวัคซีนและการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็ก เนื่องจากวัคซีนช่วยป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงหลายชนิด เช่น หัด คางทูม อีสุกอีใส และไข้สมองอักเสบ นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำยังช่วยให้พ่อแม่สามารถติดตามพัฒนาการของลูก และสามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ทันท่วงที
5. ลดความเครียดและความกังวลของพ่อแม่
สุขภาพของลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้ความสำคัญมากที่สุด หากลูกป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ พ่อแม่มักจะรู้สึกเครียดและกังวลมากกว่าปกติ การมีประกันสุขภาพช่วยลดความกังวลนี้ได้ เพราะพ่อแม่จะมั่นใจได้ว่าลูกของพวกเขาจะได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมโดยไม่ต้องเป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้สามารถโฟกัสกับการดูแลลูกให้หายดีได้อย่างเต็มที่
6. คุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว
แม้ว่าการทำประกันสุขภาพสำหรับเด็กอาจดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็นในช่วงแรก แต่ในระยะยาวแล้ว การมีประกันช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงทางการเงินได้อย่างมาก หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือโรคร้ายแรง การจ่ายค่าเบี้ยประกันเพียงเล็กน้อยแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการดูแลสุขภาพของลูกน้อย
7. ประกันสุขภาพสำหรับเด็กมีหลายรูปแบบให้เลือก
ปัจจุบันมีประกันสุขภาพสำหรับเด็กหลากหลายประเภทให้เลือก โดยพ่อแม่สามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้ เช่น
ประกันสุขภาพทั่วไป ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั่วไป
ประกันอุบัติเหตุ ที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายกรณีเกิดอุบัติเหตุ
ประกันโรคร้ายแรง ที่ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายหากเด็กได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพัก และค่าผ่าตัด
พ่อแม่ควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละแผนประกันให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อให้ได้แผนประกันที่เหมาะสมกับสุขภาพและความต้องการของลูกมากที่สุด
การทำประกันสุขภาพให้เด็กเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ เพราะช่วยให้มั่นใจได้ว่าลูกจะได้รับการดูแลที่ดีเมื่อเกิดการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ลดภาระค่าใช้จ่าย และช่วยให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน นอกจากนี้ ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณเป็นพ่อแม่ที่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก อย่าลืมพิจารณาการทำประกันสุขภาพให้เด็กตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่แข็งแรงและปลอดภัยตลอดไป





CO-Payment หรือการร่วมจ่าย คืออะไร ?
เป็นนโยบายใหม่ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดให้มีการใช้ระบบ Co-payment ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพ โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยที่ที่ผู้เอาประกันสุขภาพจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนของค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่กำหนด โดยบริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือ
การนำระบบ Co-payment มาใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความยั่งยืนของระบบประกันสุขภาพ ลดปัญหาการเคลมเกินความจำเป็น และควบคุมค่าเบี้ยประกันไม่ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ผู้ที่สนใจทำประกันสุขภาพควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของระบบ Co-payment อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เข้าใจถึงความรับผิดชอบในการร่วมจ่ายค่าใช้จ่ายบางส่วนของค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับบริการในสถานพยาบาลในกรณีที่เกิดการเจ็บป่วยขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอจากสภาผู้บริโภคให้ชะลอการบังคับใช้มาตรการ Co-payment เอาไว้ก่อนเพื่อให้ประชาชนมีเวลาทำความเข้าใจเงื่อนไข และทบทวนเงื่อนไขร่วมจ่าย โดยเฉพาะเกณฑ์การเคลมเกิน 3 ครั้งต่อปี
ท่านสามารถอ่านเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้จากลิงค์ ของ คปภ. โดยตรง ที่นี่
https://www.oic.or.th/th/press-release/68875